
#etr2123
หลายๆ คนที่เป็นมือใหม่ที่ อยากสร้างเว็บเพื่อพัฒนาฝีมือตัวเอง หรือ อยากสร้างเว็บเพราะต้องการทำธุกิจออนไลน์ก็ดี อาจจะเจอปัญหาที่ว่า ไม่สามารถสร้างเว็บได้เสร็จซักที
เมื่อทำไป ก็เกิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นตลอด ประกอบกับการใช้งานเครื่องมือในการสร้างเว็บยังได้ไม่ชำนาญ จำทำให้เกิดอาการท้อในการสร้างเว็บต่อ
วันนี้ทาง ETR จะมาแนะนำ โครงสร้างของเว็บไซต์ ว่ามีโครงสร้างอย่างไร และเหมาะกับเว็บประเภทไหน เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพรวม และมีเป้าหมายในการทำเว็บมากยิ่งขึ้น
1. เว็บ 1 มิติ
เว็บ 1 มิติ คือ เว็บหน้าเดียว เช่น Sale Page หรือ Landing Page
เว็บประเภทนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การปิดการขาย สินค้า หรือ บริการ หรือ เพื่อต้องการเก็บข้อมูลลูกค้า หรือ เป็นทางผ่านสำหรับส่งลูกค้าไปเว็บอื่น (Affiliate)
ข้อดี
- สร้างง่าย เพราะมีเพียงหน้าเดียว
- สามารถทำการตลาด และเก็บข้อมูลลูกค้าได้
ข้อเสีย
- ลูกค้าใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์ไม่นาน
- เน้นที่ขายสินค้าอย่างเดียว
#โครงสร้างเว็บไซต์

2. เว็บ 2 มิติ แบบ 1 แถว หรือ 1 คอลัมป์
เว็บ 2 มิติ แบบ 1 แถว หรือ 1 คอลัมป์ เว็บประเภทนี้จะเป็น เว็บแบบองค์กร หรือ แนะนำสินค้า และบริการของเรา โดยเว็บแบบนี้เราสามารถเพิ่มหน้า Sale Page หรือ Landing Page ไว้ในเว็บก็ได้เหมือนกัน
โดยส่วนมากแล้ว เว็บแบบนี้จะมีประมาณ 3-5 หน้า (อาจจะมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับผู้สร้างเว็บ) และ ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถเข้าถึงหน้าเว็บได้จากเมนูนำทาง (สำหรับเว็บแบบ 1 แถว)
ส่วนเว็บแบบ 1 คอลัมป์ จะเป็นเว็บประเภทผู้เข้าชมเว็บสามารถเข้าหน้าเว็บได้แบบเป็นลำดับ คือ ลูกค้าไม่สามารถเข้าหน้าเว็บจากเมนูนำทางได้ ต้องเข้าตามลำดับ คือ หน้าที่ 1,2,3…x เป็นต้น
โดยปกติ เว็บแบบนี้จะประกอบไปด้วย
- หน้าหลัก
- หน้าสินค้า หรือ บริการ
- หน้าติดต่อเรา
- หน้าเกี่ยวกับเรา
- หน้า Sale Page หรือ Landing Page
- ฯลฯ
ข้อดี
- สามารถนำเสนอสินค้า และ บริการได้มากขึ้น
- ให้ข้อมูลลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ข้อเสีย
- จำนวนหน้าเว็บมีมากขึ้น
- ใช้เวลาในการทำมากกว่าเว็บแบบหน้าเดียว
- ใช้ทักษะในการสร้างเว็บมากขึ้นทั้ง WP และ Elementor
- สำหรับมือใหม่อาจเกิดอาการท้อ เนื่องจากยังไม่ค่อยถนัดการใช้เครื่องมือประเภท WP หรือ Elementor เท่าไรนัก
#โครงสร้างเว็บไซต์

3. เว็บ 2 มิติ
เว็บแบบ 2 มิติ จะเป็นเว็บที่มีปริมาณหน้ามากขึ้น และมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเว็บประเภทนี้จะเป็นเว็บแบบ เว็บ บล็อค, นิตยสารออนไลน์, เว็บข่าว หรือเว็บประเภท อี-คอมเมิร์ซ เป็นต้น
#โครงสร้างเว็บไซต์
ข้อดี
- สามารถนำเสนอสินค้า และ บริการได้มากขึ้น และครบวงจรมากขึ้น
- ให้ข้อมูลลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น
- สามารถหารายได้ได้มากขึ้น เช่น ขายสินค้า หรือ ติดโฆษณา ในเว็บ เป็นต้น
ข้อเสีย
- จำนวนหน้าเว็บมีมากขึ้น
- ใช้เวลาในการทำมากกว่าเว็บแบบหน้าเดียว
- ใช้ทักษะในการสร้างเว็บมากขึ้นทั้ง WP และ Elementor
- สำหรับมือใหม่อาจเกิดอาการท้อ เนื่องจากยังไม่ค่อยถนัดการใช้เครื่องมือประเภท WP หรือ Elementor เท่าไรนัก
- ต้องมีการจัดวางโครงสร้างที่เป็นระบบ
- อาจจำเป็นต้องมีทุมงานช่วยดูแล เพราะขนาดเว็บที่ใหญ่ขึ้น
- ใช้ต้นทุนในการลงทุนสูง

4. เว็บ 3 มิติ
เว็บแบบ 3 มิติ คือ การเชื่อมโยงเว็บเข้ากับเว็บไซต์อื่นๆ (ตั่งแต่ 1 มิติ ไปจนถึง 2 มิติ) หรือเชื่อมโยงเว็บเข้ากับ แพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อให้เว็บของเราเป็นที่รู้จักมากที่สุด เพื่อให้คนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บเรา เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเว็บไซต์เรามากขึ้น
การสร้างเว็บแบบ 3 มิติ นอกจากเราจะต้องมีความรู้ในการสร้างเว็บแล้ว เราจำเป็นต้องมีความรู้ในการทำการตลาด และรู้จักแพลตฟอร์มต่างๆ มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เว็บของเราสามารถเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่นๆ ทำให้เราสามารถเพิ่มรายได้ให้กับเว็บของเราอีกด้วย
ถ้าเราเข้าใจในเรื่องของการสร้าง Funnel จะดีมาก เพราะช่วยให้เราออกแบบโครงสร้างของเว็บได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (ทฤษฏี Funnel เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ยากมากในทางปฏฺิบัติ ><)
#โครงสร้างเว็บไซต์
ข้อดี
- สามารถนำเสนอสินค้า และ บริการได้มากขึ้น และครบวงจรมากขึ้น
- ให้ข้อมูลลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น
- สามารถหารายได้ได้มากขึ้น เช่น ขายสินค้า หรือ ติดโฆษณา ในเว็บ เป็นต้น
ข้อเสีย
- จำนวนหน้าเว็บมีมากขึ้น
- ใช้เวลาในการทำมากกว่าเว็บแบบหน้าเดียว
- ใช้ทักษะในการสร้างเว็บมากขึ้นทั้ง WP และ Elementor
- สำหรับมือใหม่อาจเกิดอาการท้อ เนื่องจากยังไม่ค่อยถนัดการใช้เครื่องมือประเภท WP หรือ Elementor เท่าไรนัก
- ต้องมีการจัดวางโครงสร้างที่เป็นระบบ
- อาจจำเป็นต้องมีทุมงานช่วยดูแล เพราะขนาดเว็บที่ใหญ่ขึ้น
- ใช้ต้นทุนในการลงทุนสูง
- นอกจากองค์ความรู้ทางด้านการสร้างเว็บแล้ว จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำการตลาด และ แพลตฟอร์มต่างๆ ด้วย

สรุป
หลังจากที่เพื่อนๆ ได้รู้จักโครงสร้างของเว็บไซต์แล้ว จะพบว่า ยิ่งเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างหลายมิติมากขึ้น ปริมาณหน้าเว็บ และ ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ WP และ Elementor ก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก ยิ่งเป็นเว็บ 3 มิติ ยิ่งจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มมาขึ้น
สำหรับมือใหม่ แอดแนะนำให้ทำเว็บเพียงหน้าเดียว Sale Page หรือ Landgin Page จะดีกว่า และศึกษาเรื่องการตลาด เพื่อให้เราสามารถปิดการขายได้ที่หน้าเว็บของเรา
มิติของเว็บ และ ประเภทของเว็บ
- เว็บ 1 มิติ : Sale Page และ Landing Page
- เว็บ 2 มิติ แบบ 1 แถว หรือ 1 คอลัมป์ : เว็บไซต์องค์กร หรือ เว็บไซต์แนะนำสินค้า และบริการ
- เว็บ 2 มิติ : เว็บบล็อค, นิตยสาร, เว็บข่าว หรือ อี-คอมเมิร์ซ
- เว็บ 3 มิติ : การเชื่อมโยงเว็บทั้ง 3 แบบที่กล่าวมาข้างต้น เข้ากับ เว็บไซต์ หรือ แพลตฟอร์มอื่นๆ
ทั้งนี้ ทาง ETR ก็หวังว่าเพื่อนๆ จะมีความเข้าใจเรื่องเว็บไซต์ และเร่ิมมองเห็นภาพรวมของการสร้างเว็บไซต์ไม่มากก็น้อย ^^